วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฟังเพลง ชมสวน

ฟังเพลงให้รื่นรมย์...ชมสวนดอกไม้...



.....

บ้านธัมมะ

บาปบุญมีจริงไหม จะเชื่อได้อย่างไร

บาป คือ อกุศลธรรม เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี ไม่งาม และให้โทษ
บุญ คือ กุศลธรรม เป็นสภาพที่ดีงามเป็นประโยชน์ ไม่เป็นโทษ

กับใครเลย ฉะนั้น ถ้าไม่มีจิต บาปบุญก็ไม่มี ภูเขา ก้อนหิน กรวดทราย ต้นไม้ ไม่มีบุญ ไม่มีบาป เพราะไม่มีจิต คิดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ฆ่าสัตวไม่ได้ ลักทรัพย์ไม่ได้ บุญ บาปจึงเป็นสภาพของจิต ขณะใดจิตประกอบด้วยสภาพธรรมที่ดีจึงเป็นบุญ ขณะใดจิตประกอบด้วยสภาพธรรมที่ไม่ดีจึงเป็นบาปไม่มีใครจะสามารถเห็นจิต หรือดูจิตได้ด้วยตา แต่ว่าสามารถระลึกรู้ลักษณะของจิตได้ เพราะทุกคนมีจิต และทุกคนก็เพียงแต่รู้ว่ามีจิต เมื่อไม่ศึกษาโดยละเอียดก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าจิตอยู่ที่ไหน ขณะเห็นเป็นจิตชนิดหนึ่ง ขณะได้ยินเป็นจิตชนิดหนึ่ง ขณะได้กลิ่นเป็นจิตชนิดหนึ่ง ขณะลิ้มรสเป็นจิตชนิดหนึ่ง ขณะที่รู้เย็นบ้าง รู้ร้อนบ้าง รู้แข็งบ้าง ก็เป็นจิตชนิดหนึ่ง ขณะคิดนึกเป็นจิตชนิดหนึ่ง และควรพิจารณาให้ละเอียดลงไปอีกว่า จิตเห็นเป็นบาปหรือเปล่า จิตเห็นเพียงเห็น ไม่ใช่อกุศลจิต และไม่ใช่กุศลจิต จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตลิ้มรส จิตรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ก็ไม่ใช่กุศลจิต และไม่ใช่อกุศลจิต แต่ขณะที่เห็นแล้วชอบ ขณะชอบเป็นโลภมูลจิต เป็นอกุศลจิต ซึ่งจะใช้คำว่าบาปก็ได้ เพราะเป็นจิตที่มีกิเลสไม่ผ่องใส มีสภาพของโลภเจตสิก ซึ่งทำให้ติด พอใจ ยินดี ปรารถนาต้องการสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยินเป็นต้น ขณะนั้นจึงเป็นอกุศล ขณะใดเห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ แล้วไม่ชอบ ขณะนั้นก็เป็นโทสะ เป็นสภาพที่ขุ่นเคือง ไม่พอใจ ขณะนั้นก็เป็นอกุศล

ฉะนั้น เมื่อจิตมีจริง บาปบุญก็มีจริง และจิตก็มีทั้งอกุศลจิต และกุศลจิต ขณะใดที่เป็นอกุศลจิต ขณะนั้นเป็นบาป จึงมีจริง ขณะใดที่เป็นกุศลจิต ขณะนั้นก็เป็นบุญ จึงมีจริ

กองทุนอาหารน้องๆ



ในสังคมที่มีการเร่งพัฒนาวัตถุเช่นสังคมยุคปัจจุบัน (สังคมวัตถุนิยม) มักจะเกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของผู้คนในสังคมเสมอๆ ช่องว่างเหล่านี้ เกิดจากผลพวงที่ผู้คนพยายามแสวงหาความสะดวกสบายให้แก่ตนเอง ซึ่งบางครั้ง ก็ทำให้ละเลยผู้คนรอบข้างที่มีภาวะความเป็นอยู่ที่ต่างไปจากตน หรือขาดความสะดวกสบายไปกว่าตน

ออดิโอทีมดอตคอมเป็นเวปไซต์ที่นำเสนอเรื่องราวในแวดวงนักเล่นเครื่องเสียง ซึ่งเปิดดำเนินการออนไลน์อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่กลางปี 2544 นับเนื่องถึงวันนี้ก็ใช้เวลาที่ล่วงเลยมาแล้ว ด้วยการให้บริการแก่ท่านผู้ชมท่านผู้อ่านร่วมสองปี

คลิกชมภาพขยาย
คลิกชมภาพขยาย

นักเล่นเครื่องเสียงหรือผู้ที่มีความพิสมัยในสุนทรีย์รสแห่งเสียงเพลงและดนตรี นับเป็นผู้ที่มีจิตใจอันศิวิไลซ์ พัฒนาแล้ว แม้ว่าการเล่นเครื่องเสียงจะเป็นสันทนาการเฉพาะบุคคล หรือพูดได้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวก็ตาม

แต่เวปไซต์ออดิโอทีมดอตคอมได้ตระหนักอยู่เสมอว่า หากการรวมกลุ่มรวมตัวของผู้คนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมรูปแบบใด ซึ่งแน่นอนว่าผู้คนในสังคมเล็กๆเหล่านี้ ย่อมมีความปรารถนาดีต่อกันเป็นพื้นฐาน เฉกสังคมของคนรักการเล่นเครื่องเสียงและนิยมการฟังเพลงเป็นอาทิ

คลิกชมภาพขยาย
คลิกชมภาพขยาย

ตราบเมื่อมีโอกาสที่เหมาะควรต่อการเอื้อเฟื้อสังคมวงกว้าง แม้จะนอกเหนือไปจากถิ่นที่หรือรสนิยมที่กลุ่มตนมี ก็ใช่สาระสำคัญที่เป็นประเด็นใดๆ ไม่ หากสังคมนั้นๆ ยังต้องการความช่วยเหลือ ในฐานะของผู้ที่ด้อยโอกาส(กว่า)อีกกลุ่ม การหยิบยื่นความช่วยเหลือที่ไม่เกินวิสัยทำได้ จึงควรเป็นสิ่งแรกๆที่พึงกระทำ

นี่เป็นที่มาของ "การจัดตั้งกองทุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียน" ซึ่งไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าจะเป็นสถานที่ใดที่หนึ่ง ขึ้นกับเหตุการณ์ในขณะนั้นๆ หากมีเหตุผลและปัจจัยสูงพอให้พิจารณาเพื่อการเกื้อกูลช่วยเหลือได้ นั่นก็คือเป้าหมายที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องในทันทีในแนวทางที่กล่าวมาทั้งหมด



ทำไมต้องเป็นกองทุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ?

คลิกชมภาพขยาย
คลิกชมภาพขยาย

ทีมงานออดิโอทีมและชมรมออดิโอทีม (มีสมาชิกในนามชมรมประมาณร้อยกว่าท่าน) ได้ปรารภเรื่องกิจกรรมงานสาธารณะกุศล ในงานสังสรรค์ต้อนรับปีใหม่ของชมรมฯ ซึ่งควรจะได้กระทำร่วมกันในฐานะของกลุ่ม นอกเหนือจากกิจกรรมหลักที่ชมรมและเวปไซต์ได้ร่วมกันจัดขึ้นเป็นครั้งคราว ไม่ว่าจะเป็นการนัดพบปะกันเป็นกลุ่มเพื่อฟังชุดเครื่องเสียงตามรสนิยม, การบรรยายพิเศษและการบรรยายประกอบการสาธิตต่างๆ ในการเล่นเครื่องเสียง ฯลฯ

ต่อมาทีมงานฯได้พบพุดคุยกับท่านสุวัฒน์ พรมสุวรรณ นายอำเภอดอนพุด และได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นจากการสนทนากันอย่างไม่เป็นทางการ ในแนวทางที่ทีมงานฯจะทำกิจกรรมสาธารณะกุศลข้างต้น จึงได้รับความร่วมมือจากศึกษาอำเภอดอนพุด จัดหาข้อมูลโรงเรียนที่ขาดแคลนปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใด เพื่อนำมาพิจารณาช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ

ทางอำเภอคัดเลือกโรงเรียนทั้งหมดที่มีอยู่ในพื้นที่ ได้โรงเรียนที่ควรได้รับการสนับสนุนทั้งหมด 6 โรงเรียน ครั้นทีมงานฯถามไปว่า โรงเรียนใดต้องการอะไรบ้างหรือขาดแคลนอะไร ก็ได้รับคำตอบเป็นเชิงแนะนำให้ทีมงานฯไปพิจารณาด้วยตนเอง

ต่อมาทีมงานฯและคุณกอบฤทธิ์ ตรงคงสิน ประธานคณะกรรมการชมรมออดิโอทีม ได้เดินทางเป็นการส่วนตัวเพื่อไปดูสภาพความเป็นจริงของโรงเรียนข้างต้น

ขณะที่เดินทางไปตำบลไผ่หลิวและตำบลดงตะงาวในเขตอำเภอดอนพุด ก็เป็นเวลาใกล้พักเที่ยง (ทีมงานไม่ได้แจ้งให้ทางอำเภอหรือโรงเรียนทราบล่วงหน้าถึงการเดินทางไปแวะชมข้างต้น) จึงมีโอกาสได้พบเห็นสภาพการรับประทานอาหารเที่ยงของเด็กนักเรียนในสภาพที่เป็นจริง

คลิกชมภาพขยาย
คลิกชมภาพขยาย

จากการสอบถามในเบื้องต้น ได้ข้อมูลจากคณะกรรมการโรงเรียนวัดบ้านรี ทราบว่า งบฯสำหรับอาหารกลางวันเด็กนักเรียนนั้น ทางกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้จัดสรรให้โดยนับจำนวนเด็กนักเรียนเป็นเกณฑ์ ซึ่งที่นี่ ได้รับงบอาหารกลางวันเด็กนักเรียนเฉลี่ยคนละ 3 บาท ต่อมื้อ ด้วยข้อจำกัดในด้านงบประมาณที่ต้องกระจายไปให้ทั่วถึง

เป็นไปไม่ได้ที่เงินเพียง 3 บาทต่อมื้อ จะทำให้เด็กนักเรียนตัวเล็กๆ มีอาหารมื้อกลางวันที่จะทำให้ตนเองอิ่มปากอิ่มท้องตามควรแก่อัตตภาพ และมีสภาพร่างกาย, จิตใจที่จะร่ำเรียนหนังสือหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากข้อมูลเบื้องต้นในหลายๆด้านที่ได้พบเห็นและสอบถามในวันนั้น ทำให้ทีมงานฯตัดสินใจในทันทีที่จะระดมเงิน เพื่อจัดตั้งเป็นกองทุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียน เพราะตระหนักว่า อาหารการกินที่ถูกหลักโภชนาการเป็นสิ่งจำเป็นต่อเด็กนักเรียน ซึ่งเขาเหล่านั้นต้องใช้กำลังสมองในการเรียน และยังสะท้อนถึงสุขภาพจิตที่ดี หากเขาเหล่านั้น ได้รับความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลในด้านโภชนาการเป็นลำดับแรกๆ

คลิกชมภาพขยาย
คลิกชมภาพขยาย

ในที่สุด, ออดิโอทีมดอตคอมจึงประกาศจัดตั้งกองทุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ในเวปบอร์ดถามมา-ตอบไป กระทู้ลำดับที่ 4409 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2546 โดยกำหนดปิดรับการบริจาคในโครงการนี้ ในวันที่ 18 มิถุนายน 2546 และจะได้รวบรวมเงินกองทุนจากท่านผู้มีจิตศรัทธาทั้งหมด นำส่งมอบโรงเรียนที่ต้องการในวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน ต่อไป


หลังจากรวบรวมข้อมูลทั้งหมดอย่างเป็นกิจจะลักษณะแล้ว, ทีมงานฯจึงกำหนดเลือกไว้สองโรงเรียนที่มีสภาพควรได้รับการสนับสนุนตามโครงการนี้มากที่สุด

1. โรงเรียนวัดบ้านรี หมู่ที่ 3 ตำบลไผ่หลิว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 6 มีเด็กนักเรียนในปีการศึกษา 2546 ทั้งหมด 61 คน ชาย 33 คน, หญิง 28 คน, มีครูชัยชาญ สุธรรมรักษ์ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน และคณะครูทั้งหมด 5 คน

2. โรงเรียนวัดโคกโพธิ์ หมู่ที่ 1 ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 6 มีเด็กนักเรียนในปีการศึกษา 2546 ทั้งหมด 49 คน คณะครู 6 คน

จากการรณรงค์ขอรับบริจาคโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนข้างต้น ในเวปบอร์ดถามมา-ตอบไป เป็นระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ มีผู้ศรัทธาร่วมบริจาคโดยตรงและผ่านการประมูลสิ่งของต่างๆ ในหลายกระทู้ รวมยอดเงินสุทธิ 125,401 บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นห้าพันสี่ร้อยหนึ่งบาทถ้วน)

คลิกชมภาพขยาย
คลิกชมภาพขยาย
คลิกชมภาพขยาย
คลิกชมภาพขยาย

ทีมงานได้จัดแบ่งเงินบริจาคดังกล่าวออกเป็น 3 ส่วนดังนี้

1. มอบเป็นเงินกองทุนสำหรับอาหารกลางวันเด็กนักเรียน โรงเรียนวัดบ้านรี
จำนวนเงิน
52,000 บาท (ห้าหมื่นสองพันบาทถ้วน)

2. มอบเป็นเงินกองทุนสำหรับอาหารกลางวันเด็กนักเรียน โรงเรียนวัดโคกโพธิ์
จำนวนเงิน
43,401 บาท (สี่หมื่นสามพันสี่ร้อยหนึ่งบาทถ้วน)

3. มอบเป็นเงินกองทุนสำหรับเด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการเรียน และบิดามารดาหรือผู้ปกครองป่วยเป็นโรคเอดส์ ซึ่งเด็กนักเรียนไม่ทราบ ทางอำเภอไม่สามารถเปิดเผยรายนามของกลุ่มผู้ติดเชื้อเอดส์ข้างต้นได้ เนื่องจากขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล

กองทุนเพื่อการศึกษาสำหรับข้อ 3. จำนวนเงิน 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน)

การช่วยเหลือบุตรหลานของผู้ป่วยเอดส์ในเขตสองตำบลข้างต้น ทีมงานฯ ได้ส่งมอบเงินผ่านคณะกรรมการที่นายอำเภอดอนพุดได้แต่งขึ้นเป็นคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วย ศึกษาธิการอำเภอ-อำเภอดอนพุด, สมาชิกสภาจังหวัดเขตอำเภอดอนพุด, ประธานองค์การบริหารท้องถิ่นส่วนตำบล-ตำบลไผ่หลิว, ผู้อำนวยการและครูใหญ่ทั้งสองโรงเรียน, ผู้นำชุมชนทั้งสองตำบล โดยมีนายอำเภอดอนพุด เป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้

ไหว้พระกันดีกว่า


สาระสำคัญ
วัดบ้านรี สร้างขึ้นเป็นวันับตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2458 โดยมีนายพะยอมบริจาคที่ดินให้เป็นที่สร้างวัด และมีผู้ร่วมำเนินการสร้างวัด 6 คน มี นายพะยอม นายโฉม นายฉิม นายม้าน นายรุ่ง และนายแผน เดิมเป็นชาวเมืองอ่างทอง เมื่อสร้างวัดมาแล้วเรียก “วัดบ้านรี” ตามชื่อบ้าน

ตำรับขนมไทย

ทองหยิบ

เวส่วนผสม
ไข่เป็ด 10 ฟอง
น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกไม้ 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.ผสมน้ำลอยดอกไม้ น้ำตาลทราย เคี่ยวให้เป็น้ำเชื่อม สำหรับหยอด
2.แยกไข่ขาวและไข่แดงใช้แต่ใข่แดงตีให้ขึ้นฟูจนไข่เปลี่ยนเป็นสีนวล
3.ตักไข่หยอดใส่ในน้ำเชื่อม ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ให้ไข่เป็นแผ่น หยอดให้เต็มกระทะ รอให้ไข่สุก ตักแผ่นไข่ที่หยอดไว้ใส่ถาดใช้มือจับเป็นจีบ ตามต้องการ แล้วหยิบใส่ถ้วยตะไล รอให้เย็นแล้วจึงแคะออกจากถ้วยตะไล
หมายเหตุลาตักไข่หยอดลงในน้ำเชื่อม ต้องให้น้ำเชื่อมนิ่งเพื่อไข่ที่หยอดจะได้ไม่แตก
ถ้าใช้ไข่ไก่ผสมด้วยเนื้อขนมจะนุ่มขึ้นแต่สีที่ได้จะอ่อนลง

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
การออกกำลังกายนั้น มีประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการป้องกันโรค และยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพ เช่น ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ทำให้สมรรถภาพการทำงานของหัวใจดีขึ้น รวมทั้งปอดและระบบหมุนเวียนของโลหิต กล้ามเนื้อ เอ็น เอ็นข้อต่อ กระดูก ผิวหนังแข็งแรงขึ้น ช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับดียิ่งขึ้น ช่วยทำให้มีความเชื่อมั่นในตนเองยิ่งขึ้น สง่าผ่าเผย นอกจากนี้ ยังเป็นการชะลอความแก่ หรือ ช่วยให้เป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพ และ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ช่วยลดเวลาที่จะต้องใช้หยุดงานจากการเจ็บป่วย โดยรวมแล้ว ยังช่วยให้ประเทศของเราอยู่ในสถานะ ประชาชนมั่งคั่ง และประเทศชาติมั่นคงได้อีกด้วย

เราควรออกกำลังกายอย่างไร
ขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้มีพลังแบบไหน ถ้าต้องการพลัง ความอดทน ก็ควรออกกำลังแบบที่ต้องหายใจเอาออกซิเจน เข้าไปในร่างกาย ขณะออกกำลังด้วย ที่เรียกว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Exercise) ถ้าอยากมีแรงเยอะๆในชั่วอึดใจ ควรออกกำลังกายแบบกลั้นลมหายใจ แบบที่เรียกว่า แอนแอโรบิก (Anaerobic Exercise)

การออกกำลังกายแบบ แอโรบิก(Aerobic) และ แอนแอโรบิก (Anaerobic) คืออะไร
Aerobic Exercise คือ การออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงมาก แต่มีความต่อเนื่อง เช่น เดิน วิ่งเหยาะๆ หรือ
วิ่งทางไกล ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน กระโดดเชือก เต้นแอโรบิก ฯลฯ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก จึงเป็น วิธีการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกายชนิดนี้ใช้ทั้งแป้งและไขมันเป็นพลังงาน จึงควรทำเป็นประจำ
Anaerobic Exercise คือ การออกกำลังกายแบบช่วยกลั้นลมหายใจ เช่น วิ่งระยะสั้น ยกน้ำหนัก เทนนิส เป็นต้น ดังนั้น ไม่ใช่ว่าการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาอะไรก็ได้ จะดีต่อหัวใจและหลอดเลือดเสมอไป

เราควรออกกำลังกายนานแค่ไหน
โดยทั่วไปแล้ว ควรต้องมีความต่อเนื่องกันประมาณ 20 นาที เป็นอย่างน้อย การออกกกำลังกายเพื่อสุขภาพไม่จำเป็นต้องทำมากกว่านี้ แต่ขอให้ทำอย่างสม่ำเสมอ

เราควรออกกำลังกายบ่อยแค่ไหน
อย่างน้อยควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจด้วย แต่ไม่ควรหักโหม ขณะนี้เป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์แล้วว่า การออกกำลังกายนั้น สามารถสะสมได้ เช่น ถ้าออกกำลังกายครั้งละ 10 นาที อย่างต่อเนื่อง เช่น การเดิน วันละ 3 ครั้ง ก็จะได้ประโยชน์เช่นเดียวกับการใช้เวลาออกกำลังกาย 30 นาทีครั้งเดียว
เราควรออกกำลังกายหนักแค่ไหน
ในการออกกำลังกายแต่ละครั้งนั้น ถ้าจะให้ได้ประโยชน์ ต่อระบบหมุนเวียนโลหิต จะต้องออกกำลังกายให้หัวใจเต้นอยู่ ระหว่าง 60-80% ของความสามารถสูงสุดที่หัวใจของคน ๆ นั้นจะเต้นได้
สูตรในการคำนวณ ความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้ คือ 220 – อายุเป็นปี ตัวอย่างเช่น อายุ 50 ปี ก็จะมีความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้ คือ 220 – 50 = 170 ครั้ง / นาที ดังนั้น 60-80 % ของ 170 จึงเท่ากับ ชีพจรระหว่าง 102 -136 ครั้ง / นาที ซึ่งเหมาะสมสำหรับคนอายุ 50 ปี กับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
ในความเป็นจริงแล้ว การจับชีพจร ในขณะออกกำลังกาย จะทำได้ยาก ถ้าไม่มีเครื่องวัด ดังนั้น จึงควรใช้ความรู้สึกของแต่ละบุคคล คือ ให้เกิดความรู้สึกว่าเหนื่อยนิดหน่อย พอมีเหงื่อออก แต่ยังสามารถพูดคุยกันได้ ระหว่างการออกกำลังกาย แสดงว่ายังไม่หักโหมเกินไป

การออกกำลังกายมีโทษหรือไม่
การออกกำลังกายอาจก่อให้เกิดโทษได้ ถ้าทำไม่ถูกต้อง เช่น
1. การออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสมกับอายุ เช่นผู้สูงอายุควรใช้วิธีเดิน หรือเดินเร็ว ๆ แทนที่จะไปเล่น เทนนิส แบดมินตัน ฯลฯ แม้แต่ผู้เล่นเทนนิสเท่านั้นเป็นประจำทุกวัน ยังอาจเป็นโรคหัวใจได้ ดังนั้นการออกกำลังกายต้องให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและจิตใจ ดังจะเห็นได้ ว่า การรำมวยจีน เป็นคณะ เป็นกลุ่ม จะเปิดโอกาสให้มีการพูดคุย มีเพื่อน แต่การเล่นกีฬาเพื่อแข่งขัน เพื่อจะเอาชนะ จะมีแต่ความเครียด
2. การออกกำลังกายผิดเวลา เช่น เวลาอากาศร้อนจัด จะยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น จนอาจเป็นลมชักได้ หรือหลังการรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ อาจเป็นโรคหัวใจได้ เพราะเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจขณะนั้นมีน้อย
3. การออกกำลังกายในช่วงที่ไม่สบาย เช่น ในขณะที่ท้องเสีย ร่างกายจะขาดน้ำและเกลือแร่ จึงอาจทำให้อ่อนเพลีย เป็นลม เป็นตะคริวได้ เวลาเป็นไข้ ก็ไม่ควรออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ถึงกับเสียชีวิตทันทีได้ ขอสรุปว่าถ้าไม่สบายไม่ว่าด้วยอาการใด ๆ ถึงแม้ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ก็ควรยกเว้นการออกกำลังกายไว้ก่อน
4. การออกกำลังกายโดยไม่อุ่นเครื่องหรือยืดเส้นยืดสาย จงจำไว้ว่า ก่อนออกกำลังกาย จะต้องมีขั้นตอนการอุ่นเครื่องหรือยืดเส้นยืดสาย (warm up) ทุกครั้ง โดยไม่มีข้อยกเว้น
5. การใช้อุปกรณ์กีฬาและสถานที่ ที่ไม่เหมาะสม เช่น รองเท้า ความสั้น–ยาวของอุปกรณ์กีฬาที่ไม่เหมาะสมกับผู้เล่น รวมทั้งสถานที่ ที่ไม่ใช่ลานกีฬา สำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บได้
6. การออกกำลังกายอย่างหักโหม เช่น ถ้าวิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่งเพียงแค่ 20 นาทีก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องวิ่งถึง 1 ชั่วโมง เป็นต้น
สุดท้าย ผมอยากจะให้ ข้อคิด ในการดูแลสุขภาพ ว่า จงยอม ” ขาดทุนเพื่อกำไร” เช่น ยอมขาดทุนการแสวงหาความสุข จากการเที่ยวเตร่ ทานเหล้า สูบบุหรี่ อดหลับอดนอน มาเป็น การออกกำลังกาย เพื่อกำไร สุขภาพ และคุณภาพชีวิตในอนาคต …ขอบคุณ

รูปภาพสวยๆ